ข่าวประชาสัมพันธ์

(ข่าวที่ 55/2567) วศ.อว. เดินหน้าพัฒนาศักยภาพบุคลากร เตรียมพร้อมสู่โลกยุคใหม่ สร้างโอกาสและความร่วมมือด้วยภาษาจีน

F339 4 F339 1

F339 2 F339 3

 

           เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2567 นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ได้จัดหลักสูตรฝึกอบรมให้บุคลากรของ วศ. ด้านภาษาจีน ซึ่งมีความสำคัญในการทำงานในโลกยุคใหม่ เพื่อประสานความร่วมมือกับสถาบันและนักวิทยาศาสตร์ประเทศจีนในเรื่อง วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม บุคลากรที่ผ่านการอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรการผ่านฝึกอบรมภาษาจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สนับสนุนให้เกิดขึ้นเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาและส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร วศ.
          การเรียนภาษาจีนจะทำให้เกิดความก้าวหน้าแก่บุคลากรและภารกิจ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ต่อการสื่อสารหรือการทำงานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังเป็นการสร้างทัศนคติและความเข้าใจอันดีเพื่อนำไปสู่การกระชับการดำเนินความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีของไทยและจีนผ่านการเรียนรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรม
          นพ.รุ่งเรืองฯ กล่าวว่า ตามนโยบาย นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. ที่ให้ความสำคัญในด้านการพัฒนาบุคลากรภายใต้กระทรวง อว. ให้มีทักษะ สมรรถนะ ให้สามารถปฏิบัติงานและพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้บริหาร วศ. มีความตระหนักดีว่าการพัฒนาบุคลากรภายในหน่วยงาน ให้มีความรู้และเสริมทักษะด้านภาษาจีนเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อนำไปปรับในการใช้การทำงาน รองรับภารกิจที่มีความเกี่ยวข้องกับภาษาจีนในอนาคต ซึ่งโอกาสนี้ต้องขอขอบคุณ รศ.ดร.หาร เซิ่งหลง ผู้อำนวยการสถาบันขงจื่อแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมด้วยคณะอาจารย์จากสถาบันฯ ที่สละมาเป็นวิทยากรในการฝึกอบรมภาษาจีนที่ผ่านมา และท่านนิสากร จึงเจริญธรรม อดีตอธิบดี วศ. และนางอุไรวรรณ จันทรายุ ผู้ริเริ่มและประสานงานโครงการ
           สำหรับการฝึกอบรม “การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภาษาจีนระหว่างคณาจารย์และผู้เข้าร่วมฝึกอบรม” ครั้งนี้ วศ. ได้มอบประกาศนียบัตรการผ่านฝึกอบรมภาษาจีนประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมอบรม 3 กลุ่ม ประกอบด้วย HSK3 จำนวน 14 คน , HSK2 จำนวน 6 คน และ HSK1 จำนวน 9 คน รวมทั้งสิ้น 29 คน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 54/2567) หมอรุ่งเรือง อธิบดีวศ.อว. ไขข้อสงสัย “กระดาษทิชชูก่อมะเร็งจริงหรือไม่” แนะหลีกเลี่ยงการใช้กระดาษทิชชูที่มีส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิลเพราะอาจได้รับอันตรายจากสารเรืองแสง

F338 2 F338 3

F338 4 F338 1

 

         เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ตามที่มีข่าวหญิงสาวรายหนึ่งในต่างประเทศ ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยชี้สาเหตุมาจากการเลือกใช้กระดาษชำระหรือกระดาษทิชชูที่มีส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิลมาเช็ดทำความสะอาดร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์เป็นประจำ สร้างความตกใจแก่ผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีการใช้กระดาษทิชชูเป็นประจำ จากข่าวดังกล่าว ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันแน่ชัดว่าการใช้กระดาษทิชชูเช็ดทำความสะอาดอวัยวะสืบพันธุ์เป็นประจำทำให้เกิดโรคมะเร็งในมนุษย์ อย่างไรก็ตามหากต้องการใช้ทิชชูเช็ดทำความสะอาดร่างกายควรเลือกใช้ที่ผลิตจากเยื่อกระดาษบริสุทธิ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานและใช้ให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ตามการใช้งาน

           กระดาษทิชชูแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามประโยชน์ใช้สอย ได้แก่ กระดาษชำระ กระดาษเช็ดหน้า กระดาษเช็ดปาก กระดาษเช็ดมือ และกระดาษเช็ดอเนกประสงค์ ซึ่งมีทั้งที่ผลิตจากเยื่อกระดาษบริสุทธิ์ (เยื่อกระดาษจากต้นไม้) และจากเยื่อรีไซเคิล โดยกระดาษทิชชูที่มีเยื่อรีไซเคิลเป็นส่วนผสม จะทำมาจากจากกระดาษที่ใช้งานแล้ว นำมาถูกให้ความร้อน ผ่านขั้นตอนการกำจัดหมึก (Deinking) และขึ้นรูปใหม่ ด้วยความร้อนที่สูงมาก ทิชชูจากเยื่อรีไซเคิลจึงมีสีขาวขุ่น รวมถึงความขรุขระ ไม่ค่อยเรียบ มีคุณภาพต่ำกว่าทิชชูประเภทอื่น ราคาถูก บางชนิดมีการใส่สีสันลงไป เช่น สีชมพู สีน้ำตาล เพื่อปกปิดให้ผู้ใช้งานมองข้าม โดยทั่วไปแล้วมีสารเรืองแสงตกค้าง เพราะในขั้นตอนการกำจัดหมึกจะทำให้ความขาวสว่างของเยื่อกระดาษลดลงจึงใส่สารฟอกนวลหรือสารเพิ่มความความเข้าไป ทำให้มีสารเรืองแสงตกค้าง

          การเลือกใช้กระดาษทิชชูที่มีเยื่อรีไซเคิลเป็นส่วนผสมซึ่งอาจมีสารเรืองแสงตกค้างอยู่ เมื่อใช้เช็ดทำความสะอาดผิวสารเรืองแสงซึ่งเป็นสารที่ละลายในน้ำได้ จะหลงเหลือสารตกค้างอยู่บนผิวหนังอาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองในบางคน และจากการศึกษาพบว่าเมื่อสารเรืองแสงได้รับรังสี อัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดดอาจเหนี่ยวนำให้เกิดสารก่อมะเร็งที่ผิวหนัง ทำให้เกิดมะเร็งที่ผิวหนังในระยะยาวได้

           อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ แนะนำประชาชนควรเลือกซื้อทิชชูที่ไม่มีเยื่อรีไซเคิลเป็นส่วนผสม โดยดูที่ฉลากที่ระบุว่าผลิตจากเยื่อบริสุทธิ์และไม่มีสารเรืองแสง แต่อย่างไรก็ตามบางยี่ห้อไม่ได้ระบุไว้ว่าทำมาจากเยื่อชนิดใด มีวิธีทดสอบแบบง่ายๆ ด้วยตัวเอง คือ นำกระดาษทิชชูจุ่มน้ำ แล้วนำมาพักทิ้งไว้สักครู่ สีบนเนื้อกระดาษทิชชูจะเปลี่ยนไป หากกระดาษทิชชูใดที่มีการเปลี่ยนแปลงสีของเนื้อกระดาษจากขาวเปลี่ยนเป็นดำคล้ำแสดงว่ากระดาษทิชชูนั่นมีส่วนผสมของเยื่อรีไซเคิล ส่วนกระดาษทิชชูที่ทำจากเยื่อกระดาษบริสุทธิ์จะไม่มีการเปลี่ยนสี หรือหากที่บ้านมีเครื่องหรือไฟฉายที่ใช้ตรวจธนบัตรปลอม ซึ่งเครื่องเหล่านี้มีแหล่งกำหนดแสงเป็น UV ก็สามารถนำมาส่องที่กระดาษทิชชูเพื่อตรวจหาสารเรืองแสงได้ ถ้ากระดาษทิชชูมีการเติมสารเรืองลงไปก็จะเรืองแสงออกมาแสดงว่ากระดาษทิชชูนี้มีเยื่อรีไซเคิลเป็นส่วนผสม

          หากต้องใช้ทิชชูทำความสะอาดร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์นอกจากควรเลือกใช้กระดาษทิชชูที่ผลิตจากเยื่อบริสุทธิ์แล้วต้องเป็นทิชชูที่สะอาด แห้ง ไม่เปียกชื้น เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย รา ไวรัส หรือเชื้ออื่นๆ ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในกระดาษทิชชูที่เปียก สัมผัสหรือเข้าสู่ร่างกายก่อให้โรคร้ายตามมาได้

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 53/2567) รมว.อว. “ศุภมาส” ให้ วศ.อว. ยกระดับแหล่งการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อการพัฒนาเป็นพื้นที่แห่งโอกาส สำหรับเยาวชนและประชาชนทุกคน

F337 3 F337 1

F337 4 F337 2

 

          วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ตนได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) มุ่งเน้นพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ในทุกโอกาส ทุกสถานที่และทุกเวลา (Anytime and Anywhere) โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ ที่เป็นประเด็นสำคัญของประเทศ คือ Go Green พอเพียง ความยั่งยืน (Sustainabilty) และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาเชิงพื้นที่ เพื่อสร้างความมั่นคงของชีวิตและเศรษฐกิจ โดยให้สร้างความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างการมีส่วนร่วมกับพื้นที่และชุมชน เพื่อนำองค์ความรู้ไปพัฒนาชุมชนโดยใช้ข้อมูลวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ส่งเสริมให้เกิดแหล่งการเรียนรู้สำหรับเยาวชน และเป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับทุกคน โดยมุ่งเน้นในการสร้างคน สร้างความรู้ สร้างนวัตกรรม และพัฒนาประเทศ

          นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวง อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า กองหอสมุดและศูนย์สารสนเทศวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สท.) กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) เป็นหอสมุดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับชาติ ที่ให้บริการหน่วยงานของรัฐและเอกชน รวมถึงประชาชน ได้จัดทำและพัฒนาฐานข้อมูลเฉพาะทาง เพื่อการศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและพัฒนา โดยส่งเสริมให้ห้องสมุดพื้นที่มีบทบาทเป็นหน่วยบริการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งเน้นย้ำเรื่องการอนุรักษ์พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานสำคัญคือ ได้พัฒนาห้องสมุดสีเขียว ตามเกณฑ์มาตรฐานห้องสมุดสีเขียว พ.ศ.2566 ประกาศสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อส่งเสริมให้ห้องสมุดมีบทบาทในการเป็นหน่วยบริการความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น การเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ การอนุรักษ์พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม โดยมีแนวทางการดำเนินงานอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและมีมาตรฐาน สอดคล้องกับนโยบายของชาติและมีความเป็นสากล

          นอกจากนี้ วศ. ได้ร่วมมือกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ในการยกระดับห้องสมุดโรงเรียนให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ยกระดับให้เป็นห้องสมุดสีเขียว "Green Library” โดยจัดห้องสมุดให้มีบรรยากาศที่เอื้อต่อการศึกษาค้นคว้า ส่งเสริมให้เยาวชนมีนิสัยรักการอ่าน ส่งเสริมการเรียนรู้และจัดกิจกรรมส่งเสริมความรู้ เช่น การจัดการขยะอย่างถูกวิธี เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับเยาวชนได้มีความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะให้ถูกประเภท โดยกิจกรรมนี้จัดภายใต้โครงการ PEA หมู่บ้านช่อสะอาด โดยในปี 2567 วศ. ร่วมกับ PEA จะพัฒนาห้องสมุดโรงเรียนบ้านป่าซาง จังหวัดลำพูน และห้องสมุดโรงเรียนอนุบาลหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจะขยายการดำเนินการให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศและมีระบบเชื่อมโยงข้อมูลกับหอสมุดส่วนกลางระดับชาติ เพื่อเป็นแหล่งการเรียนรู้วิทยาศาสตร์นำมาแก้ไขปัญหา เช่น การอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม เป็นพื้นที่แห่งโอกาสสำหรับเยาวชนและประชาชนทุกคน ตามนโยบาย รมว. อว. เพื่อให้เกิดการพัฒนาการเรียนรู้ที่ยั่งยืนตลอดไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 52/2567) อธิบดี วศ. นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ ขับเคลื่อนองค์กรด้วยค่านิยมซื่อสัตย์ สุจริต ชูเจตนารมณ์ “No Gift Policy” ส่งเสริมวัฒนธรรมที่ดีแก่บุคลากรและสังคม

F336

 

          ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2563 เห็นชอบแผนปฏิรูปด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยกำหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วย ประกาศเป็นหน่วยงานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่รับของขวัญของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ และให้ผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานจัดทำประกาศพร้อมลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร
           ล่าสุด นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวง อว. ได้ลงนามประกาศเจตนารมณ์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ No Gift Policy งดให้-งดรับ ของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมและค่านิยมสุจริตตามหลักธรรมาภิบาล พร้อมเน้นย้ำ “ของขวัญที่ดี คือไมตรีที่มีต่อกัน” อธิบดี วศ. กล่าวว่า นโยบาย No Gift Policy เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางในการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (ITA) ซึ่งตนเองให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว โดยสื่อสารชัดเจนกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ วศ. ทุกระดับตั้งแต่วันแรกที่มารับตำแหน่งอธิบดีกรม วศ. เพื่อปลุกจิตสำนึกให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกคนเป็นคนดี มีค่านิยมในทางสุจริต มีจิตบริการ และยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นการสร้างวัฒนธรรมที่ดีแก่องค์กรและสังคมต่อไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 51/2567) “รมว.อว. ศุภมาส” ให้ วศ.อว. ยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชนด้วยนวัตกรรมแก้จน สร้างรายได้อย่างยั่งยืน แก่กลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน

F335 4 F335 3

F335 1 F335 2

 

           เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชนและเยี่ยมชมนิทรรศการแสดงผลงานของผู้ประกอบการ OTOP ตนได้สั่งการและให้นโยบายแก่ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) ให้ความสำคัญกับการนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปถ่ายทอดให้กับผู้ประกอบการ และชุมชน เพื่อให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตและบริโภคอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับขีดความสามารถของชุมชน รวมทั้งการปรับโครงสร้างภาคการผลิตและบริการของชุมชนสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม โดยยกระดับให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนอย่างมั่นคงและยั่งยืน

           นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ กล่าวว่า วศ.อว. ได้ดำเนินการระดับพื้นที่ เพื่อวินิจฉัยปัญหา ถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีนวัตกรรมด้านกระบวนการผลิต รวมถึงการยื่นขอมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน ให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP ได้แก่ “การพัฒนากระบวนการผลิตเซรามิก” กลุ่มเซรามิกบ้านหาดส้มแป้น จังหวัดระนอง โดยเริ่มต้นจากการลงพื้นที่สำรวจวัตถุดิบ ดินขาวระนอง และแร่ดีบุกเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์เซรามิก ตลอดจนการถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์เซรามิกอย่างต่อเนื่อง เช่น ชุดถ้วยกาแฟและจานใบบัว จานที่ระลึกลายนูนต่ำรูปพระราชวังรัตนรังสรรค์ “การมัดย้อมผ้าทอมือด้วยสีธรรมชาติ และการเขียนลายเส้นบนผ้าทอมือ” ให้กับผู้ประกอบการ กลุ่มระนองบาติก โดยสอนเทคนิคการสกัดและย้อมสีจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เช่น ใบมะม่วง ใบมังคุด ทำผ้ามัดย้อม การออกแบบลวดลายของเส้นเทียนบาติกให้ผ้ามีมิติมากขึ้นเป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันให้เป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น “การพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรจากน้ำแร่ธรรมชาติ” โดยลงพื้นที่สำรวจบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน นำน้ำแร่ระนองมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่เหลวน้ำผึ้ง สบู่กลีเซอรีน สเปรย์น้ำแร่ แชมพู ครีมนวดผม และเกลือขัดผิว ผนวกกับใช้สมุนไพรที่มีประโยชน์เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ โดยใช้องค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีผสมผสานกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่ “การยืดอายุการเก็บผลิตภัณฑ์สะตอ” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้วัตถุดิบในท้องถิ่นของภาคใต้ เช่น สะตอบรรจุในถุงสุญญากาศ สะตอดองในน้ำปรุงรส สะตอทอดกรอบปรุงรส ข้าวเกรียบสะตอ “การพัฒนาผลิตภัณฑ์เมล็ดมะม่วงหิมพานต์” นำปัญหาวัตถุดิบตกเกรด เช่น ปลายข้าวหัก และเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ครึ่งซีก หัก หรือป่น ซึ่งมีมูลค่าต่ำมาวิจัยพัฒนาแปรรูป และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับชุมชน เพื่อเพิ่มมูลค่าและเป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ได้แก่ คุกกี้เมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เค้กกล้วยหอมเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ เครื่องดื่มน้ำข้าวผสมเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ รวมถึงการถ่ายทององค์ความรู้ “เทคโนโลยีการพัฒนาอ่างบ่มอุณหภูมิสำหรับการเกษตรแปรรูปชุมชน” โดย วศ.อว. พัฒนาต้นแบบอ่างบ่มด้วยอุณหภูมิต่ำที่เหมาะสมกับเกษตรแปรรูปชุมชน เพื่อให้ชุมชนสามารถพัฒนาอ่างบ่มที่มีอุณหภูมิที่เหมาะสมได้เอง โดยใช้วัสดุที่มีขายทั่วไปในท้องตลาด เป็นเทคโนโลยีการแปรรูปอาหาร มีการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานกำหนด สามารถนำไปใช้ประโยชน์ เช่น ใช้แปรรูปผลิตภัณฑ์สะตอเพื่อยืดอายุการเก็บรักษา และการลดระยะเวลาในการดองไข่เค็ม

          วศ.อว. มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพและความสามารถของชุมชนและผู้ประกอบการ OTOP ให้สามารถนำองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปใช้ประโยชน์ และต่อยอดการผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ได้มาตรฐาน ส่งผลให้เกิดการเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง มีศักยภาพในการแข่งขัน ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
           ในขณะนี้ ได้เน้นย้ำการสร้างความร่วมมือ จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชน ในการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายให้เกิดกลไกความร่วมมือ เกิดการขยายผลอย่างครอบคลุมชุมชนทั้งประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดไป

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

  1. (ข่าวที่ 50/2567) วศ.อว. เตือนภัย “ภาวะฝนกรด” กระทบสุขภาพ หลังโซเชียลแชร์ภาพถนนเป็นฟองสีขาวหลังฝนตก แนะหลีกเลี่ยงการตากฝนและไม่ควรรองรับน้ำฝนในช่วงแรก
  2. (ข่าวที่ 49/2567) "รมว.ศุภมาส แถลง วศ.อว. นำไทยสู่อันดับ 5 ของโลก ด้านการรับรองความสามารถผู้จัดโปรแกรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ สร้างความเชื่อมั่นระบบประกันคุณภาพผลิตภัณฑ์ นำสินค้าไทยสู่สากล"
  3. (ข่าวที่ 48/2567) วศ.อว. แจงผลตรวจคลองบางแพรกน้ำสีชมพู พบเชื้อแบคทีเรียเจือปน
  4. (ข่าวที่ 47/2567) รมว.อว. “ศุภมาส” ให้ วศ.อว. เสริมแกร่งอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างไทย สร้างมาตรฐานความปลอดภัยให้ประชาชน
  5. (ข่าวที่ 46/2567) วศ.อว. หนุนเทคโนโลยีพัฒนาผู้ประกอบการด้านกระดาษและบรรจุภัณฑ์รองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อการขนส่งสินค้าทั้งในและต่างประเทศ
  6. (ข่าวที่ 45/2567) กรมวิทย์ฯบริการ จับมือ อพวช. ยกขบวนคาราวานวิทยาศาสตร์สุดสนุก!! สร้างแรงบันดาลใจแก่น้องๆ นักเรียน จังหวัดอุทัยธานี
  7. (ข่าวที่ 44/2567) “ศุภมาส” สั่งการ “ทีม DSS” ลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำสีชมพู คลองบางแพรก นนทบุรี หวั่นกระทบคุณภาพชีวิตประชาชน
  8. (ข่าวที่ 43/2567) “วศ.อว. พัฒนาเชื่อมโยงบริการทางห้องปฏิบัติการกระทรวง อว. สร้างความเข้มแข็งห้องปฏิบัติการ พร้อมยกระดับการบริการภาครัฐสู่ดิจิทัล”
  9. (ข่าวที่ 42/2567) รมว.อว. “ศุภมาส” ให้ขยายการบริการห้องปฏิบัติการสู่ภูมิภาคและชุมชนทั่วประเทศ เตรียมเปิดศูนย์วิทยาศาสตร์บริการร่วม “นครปฐม” และ ”ราชบุรี” อำนวยความสะดวกประชาชนในการส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ส่งมอบบริการตรวจวิเคราะห์สินค้าแก่ประชาชนและผู้ประก
  10. (ข่าวที่ 41/2567) รัฐมนตรี “ศุภมาส” ย้ำ วศ. เดินหน้าศูนย์ทดสอบยานยนต์เชื่อมต่อและขับขี่อัตโนมัติ (T-CAV) ยกระดับความปลอดภัยยานยนต์ไทย ปูทางสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ที่เข้มแข็ง