17 พฤศจิกายน 2564 นางสาวภัทริยา ไชยมณี เลขานุการกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) พร้อมด้วยบุคลากร วศ. ลงพื้นที่ทำความสะอาดและส่งมอบน้ำยาฆ่าเชื้อ และชุด PPE ให้แก่โรงเรียนเทพลีลา และโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพโดยได้รับการต้อนรับจาก นายอิชณน์กร เซ่งเข็ม รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารทั่วไป โรงเรียนเทพลีลาพร้อมคณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่ (ช่วงเช้า) และนายประสงค์ สุบรรณพงษ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ พร้อมคณะอาจารย์และเจ้าหน้าที่ (ช่วงบ่าย) ให้การต้อนรับ
         ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ลงพื้นที่ทำความสะอาดพร้อมทั้งสนับสนุน ชุด PPE และสาธิตวิธีการใช้น้ำยาเพื่อทำความสะอาด ซึ่งน้ำยา Sodium Hypochlorite ที่ วศ. นำมาใช้มีคุณสมบัติตามที่สหภาพยุโรปแนะนำให้ใช้ในการฆ่าเชื้อโควิดได้ในขณะนี้ พร้อมทั้ง วศ. ได้จัดทำคู่มือการใช้งานถ่ายทอดองค์ความรู้การใช้งานน้ำยาฆ่าเชื้อผ่านวิดีโอสาธิตให้กับเจ้าหน้าที่และบุคคลากรของโรงเรียนนำไปใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักเรียนและผู้ปกครองตลอดจนเตรียมความพร้อมในการเปิดเรียนต่อไป

      วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ เยี่ยมชมนิทรรศการ วศ. ที่จัดในธีม “Dss Edu-care Station : สถานีสุขภาพ” ซึ่งอัดแน่นไปด้วยความรู้และกิจกรรมความสนุก ทั้ง 2โซน ประกอบด้วย โซนที่ 1 Herb For Health (สมุนไพรเพื่อสุขภาพ) ได้แก่ กัญชง ขมิ้นชัน ว่านหางจระเข้ และฟ้าทะลายโจร
โซนที่ 2 นวัตกรรมทางการแพทย์ มีองค์ความรู้เรื่องชุด PPE (Personal Protective Equipment) ระบบและการทำงานของหุ่นยนต์ปิ่นโต 2 ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ในการช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์
       ทั้งนี้ขอเชิญชวนน้องๆ เยาวชน นักศึกษา และประชาชนทั่วไปที่สนใจเดินทางมาชมงานได้ทุกวัน โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 19 พฤศจิกายน 2564 ณ อาคาร 9-12 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00น.

      วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ พร้อม ดร.จันทร์เพ็ญ เมฆาอภิรักษ์ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ ร่วมคณะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รับฟังการดำเนินงานของ “อุทยานแห่งชาติสิรินาถ” ซึ่งเป็นแหล่งอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของภูเก็ต พร้อมเยี่ยมชมผลงานโครงการ “U2T การยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบล” จากนั้นร่วมเดินทางพบผู้ประกอบการและตรวจเยี่ยมผลงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงาน อว. ได้แก่ สำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ในการพัฒนาประสิทธิภาพกระบวนการผลิตและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ : ทะเลไทยไร้ขยะชายหาดภูเก็ต เม็ดมะม่วงหิมพานต์ หอยมุกของภูเก็ต และครัวไทยสู่ตลาดโลก
       ช่วงบ่าย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ ได้มอบหมายให้นางอาภาภรณ์ สินธุสาร ผู้อำนวยการกองเทคโนโลยีชุมชน พร้อมทีมนักวิจัย และคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต เดินทางไปศูนย์แปรรูปผลิตภัณฑ์ขมิ้นชัน ตำบลถ้ำทองหลาง อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา ร่วมหารือการยกระดับวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ชุมชนในพื้นที่จังหวัดพังงา เพื่อหาแนวทางการยกระดับคุณภาพและมาตรฐานวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ชุมชน ด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม พร้อมเยี่ยมชมกลุ่มผู้ประกอบการเครื่องแกงแม่ปรีดา อำเภอทับปุด และกลุ่มสมุนไพรขมิ้นท่าแตง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา โดยทีมนักวิจัย วศ.และ มรภ.ภูเก็ต จะได้นำข้อมูลไปวางแผนเนินการพัฒนาวัตถุดิบและต่อยอดผลิตภัณฑ์ชุมชนในพื้นที่จังหวัดพังงา ให้มีคุณภาพได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับ และสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่อไป

      วันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานสัมมนา เรื่อง พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 (Bayh-dole Act) โดยจัดรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Zoom meeting ซึ่งได้รับเกียรติจาก ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโนบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เป็นวิทยากร การสัมมนาฯในครั้งนี้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงสาระสำคัญของ พรบ. รวมทั้งสิทธิประโยชน์และหน้าที่ของนักวิจัยและหน่วยรับทุนแก่บุคลากร วศ. ส่งเสริมให้เกิดการต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ ตลอดจนสร้างแรงจูงใจให้เกิดงานวิจัยและนวัตกรรมเพิ่มมากขึ้น
      ทั้งนี้ (ร่าง) พระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. 2564 ได้ผ่านการพิจารณาจากรัฐสภาเห็นชอบให้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2564 โดยประเด็นสำคัญของ พรบ. ฉบับนี้คือปลดล็อคผู้รับทุนฯ ได้แก่ สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัย หรือนักวิจัย ให้มีโอกาสได้เป็นเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม โดยไม่ติดข้อกฎหมายหรือกฎระเบียบของหน่วยงานให้ทุน มีกลไกการบริหารจัดการและติดตามการนำงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ รวมทั้งกำหนดมาตรการบังคับใช้สิทธิโดยรัฐในกรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์สาธารณะ ทำให้เกิดความสมดุลระหว่างเจ้าของผลงานวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงประโยชน์ส่วนรวม ทั้งนี้กฎหมายฉบับนี้มีต้นแบบจากสหรัฐอเมริกาและมีตัวอย่างการนำไปประยุกต์ใช้ในหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจบนฐานนวัตกรรม สร้างแรงจูงใจให้นักวิจัยสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมพร้อมใช้ให้เพิ่มขึ้น สามารถนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรือสาธารณประโยชน์ได้อย่างกว้างขวางเป็นรูปธรรม