วันที่ 30 มิถุนายน 2568 หอสมุดวิทยาศาสตร์ ดร.ตั้ว ลพานุกรม สถาบันเทคโนโลยีดิจิทัลวิทยาศาสตร์บริการ กรมวิทยาศาสตร์บริการ โดย ดร.ภูวดี ตู้จินดา ผู้อำนวยการ สถาบันเทคโนโลยีดิจิทัลวิทยาศาสตร์บริการ (สทว.) ได้จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางวิชาการ เรื่อง "การแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาวารสารวิทยาศาสตร์ประยุกต์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (Bulletin of Applied Sciences) สู่การเป็นวารสารวิชาการระดับนานาชาติในฐานข้อมูล SCOPUS" ณ ห้องฝึกอบรม 320 ชั้น 3 อาคารสถานศึกษาเคมีปฏิบัติ กรมวิทยาศาสตร์บริการ โดยได้รับเกียรติจาก นายชาตรี วงษ์แก้ว นักวิชาการอิสระ และ นายโกสินธุ์ ศิริรักษ์ บรรณาธิการจัดการวารสาร Trends in Sciences (TiS) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนเรียนรู้
   การอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในการบริหารจัดการวารสารและการจัดการบทความออนไลน์ผ่านระบบ OJS รวมถึงเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐานและเกณฑ์การประเมินวารสารของ SCOPUS และกรณีศึกษาจากวารสารของประเทศไทย อีกทั้งยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับวารสาร Trends in Sciences (TiS) มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เป็นแนวปฏิบัติที่ดี ในการพัฒนาวารสารเข้าสู่ฐานข้อมูล SCOPUS
   จากการอบรมฯ ผู้ปฏิบัติงานวารสารได้รับความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาวารสารวิทยาศาสตร์ประยุกต์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ ให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานของ SCOPUS รวมถึงแนวทางในการยกระดับการบริหารจัดการวารสาร วิทยาศาสตร์ประยุกต์ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (Bulletin of Applied Sciences) กิจกรรมครั้งนี้จึงถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญเพื่อพัฒนาสู่การเป็นวารสารวิชาการระดับนานาชาติในฐานข้อมูล SCOPUS ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน

      กรมวิทยาศาสตร์บริการ โดย สถาบันพัฒนาเครือข่ายวิทยาศาสตร์บริการ เดินหน้ายกระดับขีดความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดลงพื้นที่ภาคใต้ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตร “การพัฒนาห้องปฏิบัติการทดสอบตามมาตรฐาน DSS Recognized Laboratory” ให้แก่บุคลากรศูนย์เครื่องมือวิทยาศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ระหว่างวันที่ 23 – 25 มิถุนายน 2568 เพื่อเสริมสร้างความพร้อมในการขอการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการระดับประเทศ และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ในภูมิภาค
     การอบรมครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.กรรณิการ์ สหกะโร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.อ.ปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวต้อนรับคณะวิทยากรจากกรมวิทยาศาสตร์บริการอย่างอบอุ่น โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการในภูมิภาคให้ได้มาตรฐาน เพื่อรองรับความต้องการจากภาคชุมชน ภาคการผลิต และอุตสาหกรรมในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม
     ตลอดระยะเวลา 3 วันของการอบรม บุคลากรของมหาวิทยาลัยจำนวน 16 คน ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเข้มข้นจากผู้เชี่ยวชาญ ได้แก่ นางดุษฎี มั่นความดี ข้าราชการบำนาญ นางสาวศันสนีย์ ชีระพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ชำนาญการพิเศษ และนางสาวปวีณา เครือนิล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมความสามารถวิทยาศาสตร์ร่วม
    เนื้อหาการอบรมครอบคลุมหัวใจสำคัญของระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการ ได้แก่ การจัดทำเอกสารคุณภาพ การตรวจสอบความใช้ได้ของวิธีทดสอบ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการขอการรับรองมาตรฐาน DSS Recognized Laboratory โดยเฉพาะการฝึกปฏิบัติเกี่ยวกับการตรวจวิเคราะห์ค่าปริมาณของแข็งทั้งหมด (TS) และค่าปริมาณของแข็งละลายน้ำทั้งหมด (TDS) ในน้ำ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการประเมินคุณภาพน้ำในภาคอุปโภคบริโภค อุตสาหกรรม และการเกษตร
   กิจกรรมในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกรมวิทยาศาสตร์บริการในการพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบของประเทศให้ทันสมัย เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคส่วนต่าง ๆ และต่อยอดเป็นเครือข่ายความร่วมมือระดับภูมิภาคที่เข้มแข็ง โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
   กรมวิทยาศาสตร์บริการ โดยสถาบันพัฒนาเครือข่ายวิทยาศาสตร์บริการ จะยังคงเดินหน้าผลักดันการพัฒนาห้องปฏิบัติการทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อวางรากฐานระบบวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มั่นคง เป็นพลังสำคัญของการพัฒนาประเทศในระยะยาว และสามารถยืนหยัดอย่างภาคภูมิในเวทีโลก สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาคมโลกอย่างแท้จริง

     กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) โดย ดร.พจมาน ท่าจีน รองอธิบดีรักษาราชการแทนอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ พร้อมด้วยนางจันทรัตน์ วรสรรพวิทย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารและรับรองห้องปฏิบัติการ (บร.) นางสาวพรพรรณ ปานทิพย์อำพร และนางสุวรรณี แทนธานี เข้าร่วมประชุม “APAC Annual Meetings 2025” ณ เมืองเบงกาลูรู สาธารณรัฐอินเดีย ในวันที่ 25 – 28 มิถุนายน 2568 เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นและรับทราบแนวทางขับเคลื่อนการรับรองระบบงานของกลุ่มประเทศสมาชิก APAC โดยการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมประจำปี ซึ่ง วศ. ในฐานะประเทศสมาชิกที่เป็นหน่วยรับรองระบบงานที่ได้ลงนามข้อตกลงว่าด้วยการยอมรับร่วม APAC MRA ขอบข่ายการรับรองความสามารถห้องปฏิบัติการทดสอบตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 การรับรองความสามารถผู้จัดโปรแกรมการทดสอบความชำนาญตามมาตรฐาน ISO/IEC 17043 และการรับรองความสามารถผู้ผลิตวัสดุอ้างอิงตามมาตรฐาน ISO 17034 มีความจำเป็นต้องให้ความร่วมมือตามหลักการและข้อตกลงการยอมรับร่วมกับ APAC MRA ซึ่งการประชุม APAC MRA Council Meeting นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศสมาชิก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมพิจารณาและรวมถึงการลงมติตามกฎเกณฑ์และข้อกำหนดของ APAC ในการยอมรับร่วมประเทศสมาชิกด้านการรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการ
   โดยในปี 2568 ความร่วมมือด้านการรับรองระบบงานโลก จะมุ่งเน้นไปที่ Small and Medium Enterprises (SMEs) เพื่อสร้างความตระหนักในบทบาทของการรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการ ที่มีต่อการส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ได้แก่ การสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์และบริการ การเปิดโอกาสทางธุรกิจจากการได้รับการรับรองระบบงานตามมาตรฐานสากล และการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่านทางกระบวนการประเมิน ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มคุณภาพผลิตภัณฑ์และประสิทธิภาพการดำเนินงาน เพื่อการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและนำไปสู่การพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
   ในการนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร มาตรฐาน ขอบข่ายของการยอมรับร่วม และรับทราบผลการดำเนินงานของคณะกรรมการและคณะทำงาน พร้อมทั้งได้เข้าร่วมประชุมทางวิชาการด้านต่างๆ เพื่อนำมาใช้ปรับปรุงระบบการให้บริการงานรับรองระบบงานห้องปฏิบัติการฯ ของประเทศไทย และการพัฒนาขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคุณภาพของประเทศเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามมาตรฐานสากล

     กรมวิทย์ฯ บริการ ร่วมมือผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ถ่ายทอดองค์ความรู้การทดสอบ MOH และ PFAS เสริมศักยภาพห้องปฏิบัติการไทยสู่มาตรฐานสากล
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2568 กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดกิจกรรมอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการทดสอบสารปนเปื้อนในอาหาร Mineral Oil Hydrocarbons (MOH) และ Per- and Polyfluoroalkyl Substances (PFAS) ณ ห้องประชุมกรมวิทยาศาสตร์บริการ โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด พร้อมเชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศร่วมให้ความรู้ด้านเทคนิคการทดสอบ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎระเบียบและมาตรฐานสากลที่เกี่ยวข้อง
     กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นควบคู่กับการประชุมคณะกรรมการโคเด็กซ์ สาขาสารปนเปื้อน (Codex Committee on Contaminants in Foods: CCCF) ครั้งที่ 18 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22–27 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อสนับสนุนบทบาทของประเทศในฐานะผู้ผลิตและส่งออกอาหารรายสำคัญของโลก พร้อมทั้งส่งเสริมให้มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารของไทยสอดคล้องกับข้อกำหนดระหว่างประเทศ
กรมวิทย์ฯ บริการ ได้รับเกียรติจาก Dr. Martin Kreutzer (CT-RSA Regulatory and Scientific Affairs Manager) และ Dr. Matthieu Dubois (Chemical Contaminant Expert) ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคนิคการทดสอบ MOH ในกลุ่ม Mineral Oil Saturated Hydrocarbons (MOSH) และ Mineral Oil Aromatic Hydrocarbons (MOAH) รวมถึงการทดสอบ PFAS ซึ่งเป็นสารปนเปื้อนที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เนื่องจากอาจส่งผลต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเนื้อหาครอบคลุมทั้งด้านเทคนิค วิธีการทดสอบในอาหารและวัสดุสัมผัสอาหาร และมาตรฐานที่เกี่ยวข้องตามข้อกำหนดของ Codex
     การอบรมมีผู้เข้าร่วมจากหลายหน่วยงาน ได้แก่ นักวิทยาศาสตร์จากกรมวิทย์ฯ บริการ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กรมประมง กรมปศุสัตว์ รวมถึงคณาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
    กิจกรรมครั้งนี้สอดคล้องกับโครงการ “พัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพน้ำมันรำข้าวเพื่อการส่งออก” ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผ่านโครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ST) ปีงบประมาณ 2568–2569 โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ลดปัญหาการตีกลับสินค้าในประเทศคู่ค้า และสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน