ข่าวประชาสัมพันธ์

(ข่าวที่ 113/2567) รมว. “ศุภมาส” ให้ วศ.อว. เสริมแกร่ง “อุตสาหกรรมเรือธง” ยกระดับคุณภาพและมาตรฐาน เพิ่มมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท

F504 4 F504 1

F504 2 F504 3

 

            นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า กระทรวง อว. มีนโยบายด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานโดยนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม มาส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางคุณภาพของประเทศให้ทัดเทียมมาตรฐานสากล เพื่อรองรับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดสู่อนาคต ครอบคลุมกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ก่อสร้าง อาหาร เคมีภัณฑ์ เกษตร เหมืองแร่ พลังงาน การแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงมอบหมายให้ กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) นำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกระดับ การผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานช่วยให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีการค้าโลก

            นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กล่าวว่า วศ.อว. เริ่มให้บริการสอบเทียบเพื่อควบคุมมาตรฐานและการเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงระดับชาติ รวมถึงการสร้างเครือข่ายห้องปฏิบัติการ เพื่อมีส่วนสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมตามมาตรฐาน ISO 3310-1 และ ASTM E11 ให้กับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ และผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ครอบคลุมในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ ก่อสร้าง อาหาร เคมีภัณฑ์ เกษตร เหมืองแร่ พลังงาน และการแพทย์ สำหรับใช้ควบคุมคุณภาพในด้านความละเอียดของวัตถุดิบในกระบวนการผลิต ซึ่งวัตถุดิบที่เข้าสู่กระบวนการผลิตต้องมีขนาดตามมาตรฐานข้อกำหนดของแต่ละอุตสาหกรรม ผ่านขั้นตอนควบคุมให้ได้รับการสอบเทียบแล้ว ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา วศ.อว ให้บริการสอบเทียบหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ และผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 411 แห่ง ส่งเสริมให้สินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ สามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้ โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและส่งออกของไทยปี 2567 กว่า 1 หมื่นล้านบาท

           นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวเพิ่มเติมว่า วศ.อว. ได้เร่งดำเนินการตามนโยบายท่านรัฐมนตรี อว. โดยพัฒนาวิธีสอบเทียบ เพื่อควบคุมมาตรฐาน พัฒนายกระดับการเป็นห้องปฏิบัติการอ้างอิงระดับชาติ และเครือข่ายห้องปฏิบัติการทั่วประเทศ พัฒนาระบบเพื่อลดเวลา และเพิ่มความแม่นยำในการสอบเทียบ และตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการรองรับการสอบเทียบจำนวนมากจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการ วศ.อว. ห้องปฏิบัติการเครือข่ายให้ก้าวสู่ห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพยกระดับอุตสาหกรรม

           ทั้งนี้ กรมวิทยาศาสตร์บริการได้สร้างความร่วมมือกับภาครัฐ และเอกชน รวมถึงรองรับความร่วมมือกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมกันเป็นหน่วยตรวจสอบ ควบคุมมาตรฐานสินค้าและอุตสาหกรรม กรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวง อว. มุ่งมั่นพัฒนาภารกิจ เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 112/2567) วศ.อว. จัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ สาขาสิ่งแวดล้อมรายการ Oil and Grease in water (pilot study)

F503 1 F503 3

F503 4 F503 2

 

            กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย กลุ่มทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ กองบริหารจัดการทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ (บท.)ได้จัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ (Proficiency Testing: PT) โดยดำเนินการจัดส่งตัวอย่างให้แก่ห้องปฏิบัติการที่สมัครเข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 193 ห้องปฏิบัติการ ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการต่างประเทศ จำนวน 2 ห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ห้องปฏิบัติการดำเนินการทดสอบในรายการ Oil and Grease in water (pilot study) น้ำมัน (Oil) และไขมัน (Grease) คือ สารอินทรีย์จำพวกไขมันที่ส่วนมากละลายในตัวทำละลายอินทรีย์แต่จะไม่ละลายน้ำ โดยทั้งคู่มีไตรกลีเซอไรด์เป็นส่วนประกอบ ซึ่งไตรกลีเซอไรด์ ประกอบด้วย ธาตุคาร์บอน ออกซิเจน และไฮโดรเจน น้ำมันและไขมันนั้นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับชนิดของกรดไขมันที่เป็นส่วนประกอบ โดยที่อุณหภูมิห้องน้ำมันมีสถานะเป็นของเหลว แต่ไขมันมีสถานะเป็นของแข็ง
           นอกจากนี้น้ำมันและไขมันมีความสามารถในการละลายที่ต่ำ ส่งผลให้อัตราการย่อยสลายโดยธรรมชาติของจุลินทรีย์เกิดได้ช้ามาก น้ำมันที่ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิด ของเสียในครัวเรือน หากมีการบำบัดอย่างไม่เหมาะสม อาทิ ไม่มีบ่อดักไขมัน หรือระบบบำบัดที่มีประสิทธิภาพสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนของไขมันและน้ำมันในแหล่งน้ำที่ส่งผลกระทบต่อแหล่งทรัพยากรน้ำ และสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย หลายหน่วยงานในประเทศไทยได้กำหนดค่ามาตรฐาน ควบคุมการระบายน้ำทิ้ง จากระบบบำบัดน้ำเสียรวมของชุมชนกำหนดปริมาณน้ำมันและไขมัน ไม่เกิน 5 มิลลิกรัมต่อลิตร เนื่องจากการปนเปื้อนของน้ำมันและไขมันเกินกว่าปริมาณที่กำหนดอาจเกิดการสะสมในแหล่งน้ำ และสร้างผลกระทบโดยตรงต่อการสังเคราะห์แสงของพืชน้ำ กีดขวางการถ่ายเทออกซิเจนของแหล่งน้ำ ทำให้ปริมาณออกซิเจนที่ละลายน้ำลดลง เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้น้ำเน่าเสีย
            กรมวิทยาศาสตร์บริการ ตระหนักถึงผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว จึงได้ส่งเสริมห้องปฏิบัติการ ด้านการทดสอบคุณภาพน้ำ โดยจัดกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ สาขาสิ่งแวดล้อม รายการ Oil and Grease in water (pilot study) เพื่อประเมินสมรรถนะและพัฒนาศักยภาพของห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพน้ำของประเทศไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
           ทั้งนี้ประโยชน์ของการเข้าร่วมกิจกรรมทดสอบความชำนาญห้องปฏิบัติการ
- ทำให้ห้องปฏิบัติการมั่นใจในผลการทดสอบว่ามีความแม่นยำ ถูกต้อง
- เพื่อยืนยันสมรรถนะและความสามารถของห้องปฏิบัติการทดสอบ เพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของห้องปฏิบัติการ และยกระดับคุณภาพสินค้าให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล
- ชี้บ่งปัญหาภายในห้องปฏิบัติการ นำไปสู่การปรับปรุงพัฒนาความสามารถของห้องปฏิบัติการ เช่น ปัญหาจากกระบวนการวัดหรือทดสอบ การใช้เครื่องมือ หรือความสามารถของบุคลากร เป็นต้น
- เป็นประโยชน์ต่อห้องปฏิบัติการในการจัดการความเสี่ยง และเป็นเครื่องมือสำหรับปรับปรุงประสิทธิภาพและบริหารความเสี่ยงของห้องปฏิบัติการ
- ใช้ประกอบการยื่นขอการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 111/2567) รมว. “ศุภมาส” นำวิทยาศาสตร์สู่การพัฒนาอุตสาหกรรม “น้ำมันรำข้าว” ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เปิดห้องปฏิบัติการอ้างอิง กรมวิทย์บริการ ช่วยเพิ่มมูลค่าส่งออก 1 หมื่นล้านบาท

F502 3 F502 4

F502 1 F502 2

 

            นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า ประเทศไทยมี “ข้าว” เป็นสินค้าหลักมีการเพาะปลูกปริมาณมาก ผลพลอยได้จากการขัดสีข้าวทำให้ได้ “รำข้าว” ปัจจุบันมีภาคเอกชนนำรำข้าวมาสกัดน้ำมันปีละกว่า 800,000 ตัน มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับน้ำมันรำข้าว สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยรูปแบบ BCG Economy Model ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า ใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ตนได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) นำกลไกวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) มาขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันรำข้าวตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับสินค้า ตั้งแต่รากฐานการผลิตวัตถุดิบ กระบวนการแปรรูปจนกระทั่งได้ผลิตภัณฑ์พร้อมจำหน่ายสู่เชิงพาณิชย์ ด้วยการตรวจสอบรับรองคุณภาพ ตลอดจนการจัดทำข้อกำหนดคุณลักษณะผลิตภัณฑ์นวัตกรรม (Specification) ที่สามารถบ่งชี้ถึงคุณค่าของผลิตภัณฑ์ และได้เปิดห้องปฏิบัติการอ้างอิงทดสอบคุณภาพอาหารและน้ำมันรำข้าว และห้องปฏิบัติการเครือข่าย
           นายแพทย์รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กล่าวว่า เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของท่านรัฐมนตรี อว. ที่ให้มีการยกระดับห่วงโซ่คุณค่าน้ำมันรำข้าวด้วยการใช้กลไกวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งขณะนี้ วศ.อว. ได้เปิดห้องปฏิบัติการอ้างอิงทดสอบคุณภาพอาหารและน้ำมันรำข้าวด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ทันสมัย นักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ทดสอบคุณภาพและมีการบูรณาการร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดย วศ.อว. มีการพัฒนาวิธีวิเคราะห์ทดสอบหาชนิดและปริมาณสารสำคัญในน้ำมันรำข้าว ให้บริการทดสอบคุณภาพน้ำมันรำข้าวตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม นอกจากนี้ วศ. ยังเป็นองค์กรกำหนดมาตรฐาน (Standards Developing Organization หรือ SDO) ของประเทศไทย ในการจัดทำมาตรฐาน (Standards) หรือข้อกำหนดคุณลักษณะ (Specifications) ตามหลักการในการจัดทำมาตรฐานสากล เร่งส่งเสริมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีการวิจัยพัฒนานวัตกรรมจากน้ำมันรำข้าวหรือนวัตกรรมกระบวนการผลิตน้ำมันรำข้าว เช่น นวัตกรรมอาหาร นวัตกรรมเครื่องสำอาง นวัตกรรมเครื่องมือในการสกัดน้ำมันรำข้าว เป็นต้น สามารถมาปรึกษาหารือ วศ. ในการวิจัยพัฒนาการทดสอบคุณภาพสินค้านวัตกรรม การกำหนดคุณลักษณะสินค้านวัตกรรม ตลอดจนการผลักดันสินค้าให้สามารถขึ้นทะเบียนบัญชีนวัตกรรมไทยได้
            นายแพทย์รุ่งเรือง กล่าวต่อว่า การยกระดับห่วงโซ่คุณค่าน้ำมันรำข้าว ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำที่มีความเกี่ยวเนื่องและเชื่อมโยงกันเสมือนห่วงโซ่ เป็นการปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจจาก “ทำมากแต่ได้น้อย” ไปสู่ “ทำน้อยแต่ได้มาก” ทำให้ได้น้ำมันรำข้าว นวัตกรรมจากน้ำมันรำข้าวที่มีมูลค่าสูง ตลอดจนนวัตกรรมกระบวนการผลิตน้ำมันรำข้าว สามารถนำไปต่อยอดในเชิงพาณิชย์ขยายตลาดทั้งภายในประเทศและสู่ตลาดโลก เสริมสร้างเศรษฐกิจ สังคมและคุณภาพชีวิตประชาชนให้เข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืน

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 110/2567) ทุเรียน "ราชาแห่งผลไม้" บริโภคอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

F500 1 F500 3 F500 2

            ดร.จิราภรณ์. บุราคร รักษาการณ์ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัย กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้เปิดเผยว่าทุเรียน ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานาน อุดมด้วยสารอาหาร ได้แก่ viamin E และbeta-carotene ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีแร่ธาตุหลายชนิด ได้แก่ potassium, magnesium, calcium, sodium. iron, zinc, copper manganese มีเส้นใยอาหารสูง รสชาติหวาน มีกลิ่นหอมแรงที่เป็นอัตลักษณ์ เนื่องจากทุเรียนมีสาร sulphur สูงแต่ผู้บริโภคบางรายอาจจะไม่ชอบกลิ่นทุเรียน
           สมัยก่อนเป็นที่รู้กันมานานว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน เมื่อบริโภคเข้าไปจะเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายและกระตุ้นค่าความดันโลหิตให้เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากทุเรียนสดมีปริมาณน้ำตาลสูง
            โดยผู้บริโภคที่มีสุขภาพแข็งแรง ก็ควรบริโภคทุเรียนในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรเกิน 2 เม็ดขนาดกลางต่อวัน หากบริโภคปริมาณมากเกินไป จะส่งผลให้ค่าความดันโลหิตสูง อัตราการเต้นของหัวใจสูง อย่างไรก็ตามอาการขึ้นกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล
            นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง ผู้สูงอายุและผู้ตั้งครรภ์ ควรจะหลีกเลี่ยงการบริโภคทุเรียน หรือบริโภคแต่น้อย และไม่ควรบริโภคทุเรียนพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจเกิดภาวะความดันโลหิตสูงอย่างรวดเร็วฉับพลันจนก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

(ข่าวที่ 109/2567) วศ.อว. เข้าร่วมงานครบรอบ 5 ปี วันสถาปนากระทรวง อว.

 

F499 1 F499 4

F499 2 F499 3

 

            วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ วศ. เข้าร่วมงานวันคล้ายวันสถาปนากระทรวง อว.ครบรอบ 5 ปี โดยมี น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายเพิ่มสุข สัจจาภิวัฒน์ ปลัดกระทรวง อว. พญ.เพชรดาว โต๊ะมีนา ที่ปรึกษา รมว.กระทรวง อว. น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.กระทรวง อว. ตลอดจนผู้บริหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อผ้าโทนสีม่วงซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของกระทรวง อว.เข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก ณ อาคารพระจอมเกล้า กระทรวง อว. (โยธี)
           ทั้งนี้ น.ส.ศุภมาสฯ และคณะผู้บริหารได้ร่วมในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ต่อมาได้ถวายพวงมาลัยสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระสยามเทวมหามงกุฎวิทยามหาราช รัชกาลที่ 4 เพื่อความเป็นสิริมงคลต้อนรับการก้าวสู่ปีที่ 5 ของกระทรวง อว.
          จากนั้น น.ส.ศุภมาส เปิดเผยว่า 5 ปีของการก่อตั้งกระทรวง อว. นับเป็น 5 ปีของ “ปัญญา โอกาส อนาคต” ของประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวง อว.ได้ขับเคลื่อนการปฏิรูปทั้งด้านการอุดมศึกษาและด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยตนได้วางนโยบาย 2 ด้าน คือ “เรียนดี มีความสุข มีรายได้” และ “วิจัย-นวัตกรรมดี ตอบโจทย์ ตรงความต้องการ” พร้อมเดินหน้าปฏิรูปอุดมศึกษา โดยกำหนดเป้าหมายเน้นการสร้างคนสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการสร้างคนที่มีความรู้ที่ดี มีทักษะและสมรรถนะ รวมถึงมีคุณลักษณะที่ดี รวมทั้งสร้างกลไกและเครื่องมือในการปฏิรูปให้สอดคล้องกับยุคสมัยปัจจุบัน เพื่อตอบโจทย์การเรียนรู้ตลอดชีวิต เช่น การจัดทำระบบคลังหน่วยกิตแห่งชาติหรือธนาคารเครดิต การจัดทำแผนที่ทักษะเพื่อระบุทักษะที่สำคัญในการทำงานในสาขาอาชีพสมัยใหม่และเป็นไปตามความต้องการของประเทศ หรือ Skill Mapping พร้อมทั้งจัดทำใบรับรองผลการเรียนที่ระบุทักษะของนักศึกษาว่ามีทักษะที่สอดคล้องกับการทำงานระดับใดบ้าง หรือ Skiil Transript เพื่อให้นักศึกษาและบัณฑิตสามารถนำไปใช้ในการทำงานหรือพัฒนาทักษะเพิ่มเติมตลอดจนการนำทักษะด้าน AI ที่เป็นทักษะที่สำคัญของโลกยุคปัจจุบันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของระบบการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา
           รมว.กระทรวง อว.กล่าวต่อว่า ที่สำคัญคือการลดความเหลื่อมล้ำและกระจายโอกาสการเข้าถึงการศึกษาในระดับอุดมศึกษาผ่านระบบ TCAS ปี 2567 หรือการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยผ่านระบบการรับสมัครสอบกลาง ประจำปี 2567 ซึ่งถือเป็นประตูบานแรกในการก้าวสู่ระบบอุดมศึกษาของเยาวชนไทย ด้วยการสนับสนุนค่าสมัครสอบให้กับผู้เข้าสอบทุกคนฟรีในรอบแอดมิชชั่น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นครั้งแรก และจะพยายามปลดล็อคทุกอุปสรรคในการเข้าถึงอุดมศึกษา เพื่อเด็กไทยทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน ขณะที่ด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ขับเคลื่อนนโยบาย “อว. For EV” ซึ่งเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เพื่อนำประเทศไทยไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรม EV ให้เป็นอุตสาหกรรมที่เป็นความหวังของประเทศไทย ด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรมต่างๆ ที่กระทรวง อว. มี นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย “อว.For PM 2.5” และ “อว. For AI” รวมถึงนโยบายการส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านอวกาศของประเทศ เป็นต้น
           “กระทรวง อว.ยังคงเดินหน้าปฏิรูปการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง และจะทลายทุกข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคของการปฏิรูปดังกล่าว ที่สำคัญในวันที่ 10 มิ.ย. นี้ กระทรวง อว.จะจัดเสวนาพิเศษเนื่องในโอกาสการก่อตั้งกระทรวง อว. ครบรอบ 5 ปี เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหลากหลายภาคส่วนว่ากว่าครึ่งทศวรรษที่ผ่านมาสังคมได้อะไรจากกระทรวง อว. และในอนาคตต้องการให้กระทรวง อว. ปรับตัวอย่างไรเพื่อนำประเทศไทยให้แข่งขันได้ จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจและอยากร่วมให้ความคิดเห็นมารับฟังกันได้“ น.ส.ศุภมาส กล่าว

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์/ทีมงานโฆษก : กรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)

เลขที่ 75/7 ถนนพระรามที่ 6 ราชเทวีกรุงเทพฯ 10400 โทร 0 2201 7095-8 โทรสาร 0 2201 7470 e-mail : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

www.facebook.com/DSSTHAISCIENCE , www.facebook.com/ScienceDoctor

  1. (ข่าวที่ 108/2567) ด่วน..รมว. “ศุภมาส” เป็นห่วงประชาชนบริเวณเหตุไฟไหม้โกดังกากเคมี ส่ง “ทีม DSS” วศ.อว. ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบคุณภาพแหล่งน้ำ
  2. (ข่าวที่ 107/2567) วศ.อว. จัดอบรมข้าราชการ พนักงานใหม่ ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม เสริมสร้างวัฒนธรรมที่ดีขององค์กร
  3. (ข่าวที่ 106/2567) วศ.อว. เข้าร่วมงานและรับโล่ประกาศเกียรติคุณเนื่องในวันคุ้มครองผู้บริโภคไทย 2567
  4. (ข่าวที่ 105/2567) วศ.อว. สร้างจิตสำนึกบุคลากร พัฒนาห้องสมุด (Green Library) และสำนักงานสีเขียว (Green Office) ร่วมกันอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
  5. (ข่าวที่ 104/2567) ศ.อว. เดินหน้าเสริมความเข้มแข็งหน่วยรับรองระบบงานประเทศไทยเพื่อยกระดับห้องปฏิบัติการไทยสู่มาตรฐานสากล
  6. (ข่าวที่ 103/2567) วศ.อว. ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตภาวนา ถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และเนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ม
  7. (ข่าวที่ 102/2567) วศ.อว. เสริมความรู้บุคลากรด้าน AI หนุนประยุกต์ใช้ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  8. (ข่าวที่ 101/2567) ยกระดับนักเคมีไทย!! วศ.อว. ได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกสามัญระดับ National Adhering Organization (NAO) ของสหภาพเคมีบริสุทธิ์และเคมีประยุกต์ระหว่างประเทศ IUPAC ของประเทศไทย
  9. (ข่าวที่ 100/2567) วศ.อว. สร้างจิตสำนึกบุคลากร ขับเคลื่อนองค์กรด้วยคุณธรรมและความโปร่งใส ป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ
  10. (ข่าวที่ 99/2567) วศ.อว. เสริมความรู้ด้านวิชาการและงานบริการภาครัฐ สอดคล้องกฎหมาย PDPA หนุนบุคลากรปรับใช้ในการทำงาน พร้อมเดินหน้าผลักดันวารสารวิชาการฯ ผ่านเกณฑ์ TCI